บทความ
Terakeat Ontme
30 Jul 2021รอยยิ้มทุกวันใหม่
จากหนังสือ : เมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ นี่เป็นเรื่องจริงและสะเทือนอารมณ์ของ ราอุล ฟอลเลอโร (Raoul Fallereau) ผู้ช่วยเหลือคนโรคเรื้อนในสถานบำบัดคนโรคเรื้อนบนเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิก สภาพที่นั่นเหมือนฝันร้ายอันน่ากลัวทีเดียว เขาพบแต่ซากศพ ความสิ้นหวัง แผลเน่าเฟะ และสภาพมื้อเท้าที่น่าขยะแขยง แต่ทว่าท่ามกลางสภาพน่าเวทนาเหล่านี้ ชายแก่โรคเรื้อนคนหนึ่งกลับมีดวงตาที่แย้มยิ้ม ส่งประกายอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ภายนอกเขาต้องทนทุกข์ทรมานจากสภาพร่างกายที่เหมือนกับเพื่อนผู้โชคร้ายคนอื่นๆ แต่ว่าเขาดูมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด เขามีความหวังและอ่อนโยนสุภาพกับคนอื่นๆ ฟอลเลอโรรู้สึกทึ่งในอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางสภาพเลวร้ายของสถานที่แห่งนี้ เขาจึงอยากรู้ว่า อะไรทำให้ชายชราคนนี้มีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อ ทั้งๆที่อยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ ฟอลเลอโรเฝ้าติดตามชายชราคนนี้อย่างเงียบๆ และก็ได้ค้นพบว่าทุกวันตอนเช้าตรู่ ชายชราคนนี้จะค่อยๆเดินกะโผลกกะเผลกมาที่บริเวณหน้าสถานบำบัด และนั่งคอยอยู่ที่เดิมไม่เคยขาดเลย เขาไม่ได้คอยดวงตะวันหรือมาดูทิวทัศน์ยามรุ่งอรุณริมมหาสมุทร แต่เขาคอยจนกระทั่งมีใบหน้าของหญิงชรา หน้าตาเหี่ยวย่นแต่นัยน์ตาเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนปรากฏมาให้เห็น หญิงคนนี้ไม่พูดอะไร เธอเพียงแต่ส่งสารแห่งความเงียบมาให้เขา รอยยิ้มของเธอนั่นเอง เพียงรอยยิ้มนี้เท่านั้น ชายชราก็ดูสดใสขึ้นมาทันทีและยิ้มตอบรับเธอ บทสนทนาที่ไร้คำพูดนี้ใช้เวลาไม่นาน แล้วชายชราก็ลุกขึ้นเดินกะโผลกกะเผลกกลับไปที่กระท่อมของตน เป็นอย่างนี้ทุกวัน ชายโรคเรื้อนได้รับการหล่อเลี้ยงและเสริมกำลังด้วยรอยยิ้ม จนสามารถเผชิญกับวันใหม่และอยู่ได้อย่างมั่นคงจนกว่าจะถึงนัดวันรุ่งขึ้น เขายืนหยัดเข้มแข็งเพราะรอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงชราคนนั้นนั่นเอง วันที่ฟอลเลอโรพูดกับเขาถึงเรื่องนี้ เขาตอบว่า “เธอเป็นภรรยาผมเอง” และหลังจากที่เงียบไปสักครู่เขาก็เสริมต่อว่า “ก่อนที่ผมจะมาอยู่ที่นี่ เธอซ่อนผมไว้ที่บ้าน และเยียวยารักษาผมด้วยทุกสิ่งที่เธอจะเสาะหามาได้ มีหมอพื้นบ้านคนหนึ่งให้ขี้ผึ้งเธอมา เธอก็จะค่อยๆทาที่หน้าผมทุกวันอย่างอ่อนโยน แต่ไม่ได้ผลอะไรเลย มีคนมาจับผมและพาผมมาที่นี่ เธอก็ตามผมมาและทุกเช้าเมื่อผมเห็นเธอ ผมก็รู้จากเธอ […]
ICT Team
6 Nov 2020วงแห่งความสุข
จากหนังสือ : เมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ วันหนึ่ง มีชาวนามาเคาะประตูอาราม และเมื่อบราเดอร์มาเปิดประตูไม้โอ๊คอันแสนหนักนั้น ชาวนาก็ชูพวงองุ่นสดสวยให้เขาดู พลางยิ้มและพูดว่า “บราเดอร์ครับ บราเดอร์รู้ไหมว่าผมเอาพวงองุ่นที่สวยที่สุดในไร่ของผมนี้มาให้ใคร” “ก็ต้องเป็นอธิการ หรือไม่ก็บราเดอร์คนใดคนหนึ่งแน่ๆ” “ไม่ใช่ครับ ผมเอามาให้บราเดอร์” “ให้ผมงั้นหรือ” บราเดอร์คนนั้นดีใจมาก “คุณแน่ใจหรือว่าคุณต้องการให้ผมจริงๆ” “จริงซิครับ เพราะว่าบราเดอร์ต้อนรับผมด้วยน้ำใสใจจริงเสมอ และช่วยเหลือผมทุกครั้งที่ผมขอ ผมก็เลยอยากทำให้บราเดอร์ดีใจ” และความสุขซื่อๆง่ายๆที่เขาเห็นบนใบหน้าของบราเดอร์คนเฝ้าประตู ก็นำความสุขมาให้เขามากเช่นเดียวกัน บราเดอร์คนเฝ้าประตูวางพวงองุ่นให้ทุกคนที่เดินผ่านไปมาตลอดเช้านั้นได้มองเห็นและชื่นชมมัน ช่างเป็นพวงองุ่นที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆและจู่ๆเขาก็มีความคิดขึ้นมาว่า ทำไมไม่เอาพวงองุ่นนี้ไปให้อธิการ เพื่อนำความสุขไปมอบให้แก่ท่านด้วย ว่าแล้วบราเดอร์ก็หยิบพวงองุ่นนั้น และเอาไปให้คุณพ่ออธิการ คุณพ่อดีใจมาก แต่คุณพ่อก็นึกขึ้นได้ว่าในอารามมีบราเดอร์กำลังป่วยอยู่คนหนึ่ง คุณพ่อจึงคิดว่า “ถ้าเราเอาพวงองุ่นนี้ไปให้เขา เขาคงมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง” ดังนั้น พวงองุ่นจึงต้องอพยพอีกครั้ง แต่ว่ามันก็อยู่ในห้องของบราเดอร์ที่ป่วยได้ไม่นาน เพราะบราเดอร์คนนี้คิดว่า พวงองุ่นนี้น่าจะนำความสุขให้บราเดอร์พ่อครัวที่ต้องทำงานอยู่หน้าเตาที่ร้อนระอุทั้งวัน แต่แล้วบราเดอร์พ่อครัวก็เอาพวงองุ่นไปให้บราเดอร์ที่อยู่ห้องซาคริสต์ เพื่อให้เขามีความสุขด้วย บราเดอร์ห้องซาคริสต์ก็เอาไปให้บราเดอร์ที่หนุ่มที่สุดในอาราม และเป็นอย่างนี้ต่อกันไปเรื่อยๆจนกระทั่งพวงองุ่นนี้ย้อนกลับมาหาบราเดอร์คนเฝ้าประตู เพื่อให้ความสุขเล็กๆน้อยๆแก่เขา และดังนี้เอง เส้นวงกลมแห่งความสุขก็มาบรรจบกัน เป็นวงแห่งความสุขที่แท้จริง อย่าคอยให้คนอื่นเป็นผู้เริ่มต้น เป็นคุณเองที่จะต้องเริ่มวงแห่งความสุขในวันนี้ เพียงแค่ประกายไฟเล็กๆสามารถเป็นชนวนให้ระเบิดได้ฉันใด เพียงแค่ประกายแห่งคุณความดีก็สามารถทำให้โลกเปลี่ยนแปลงได้ฉันนั้น ความรักเป็นทรัพย์สมบัติประการเดียวที่มีเพิ่มมากขึ้น เมื่อเราแบ่งปันให้คนอื่น เป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อเราแบ่งปันแก่กันและกัน และเป็นบริษัทแห่งเดียวที่มีรายรับมากกว่ารายจ่าย […]
ICT Team
6 Nov 2020นัยน์ตาคนตัดฟืน
จากหนังสือ : เมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ วันหนึ่งคนตัดฟืนเกิดหาขวานเล่มโปรดของตนไม่พบ เขาเดินค้นหาทั่วบ้าน หาเท่าไรก็หาไม่เจอ ขวานนั้นอันตรธานหายไปแล้ว หรือว่ามีคนมาขโมยของเขาไป เขาคิดเช่นนี้ และเดินไปที่หน้าต่าง ก็พอดีกับที่ลูกชายของเพื่อนบ้านเดินผ่านมา “เจ้าหนุ่มคนนั้นท่าทางจะเป็นคนขโมยขวานของเราไป” คนตัดฟืนคิด “ตาของมันก็เหมือนนัยน์ตาของคนขโมยขวาน แน่นอนเลย ทรงผมแบบหัวขโมยนั่นด้วย” ต่อมาอีกไม่กี่วัน คนตัดฟืนก็พบขวานเล่มโปรดของตนอยู่ใต้เก้าอี้นอน ซึ่งเขาเองเป็นคนโยนมันเก็บไว้ เวลาที่กลับจากทำงานในตอนเย็นวันหนึ่ง เขาดีใจที่หาขวานเจอ และเมื่อเขาเดินไปที่หน้าต่าง ก็บังเอิญลูกชายของเพื่อนบ้านเดินผ่านไปพอดี “ไม่ใช่หรอก เจ้าหนุ่มนี่ไม่มีท่าทางของหัวขโมยสักหน่อย ตรงกันข้าม เขามีทรงผมและนัยน์ตาของเด็กหนุ่มที่กล้าหาญมากต่างหาก” ป้ายตราหน้าทุกรูปแบบ ! เราอยู่ในโลกที่ผู้คนมักจะเอาป้ายติดให้คนอื่น บ้างก็ติดไว้ที่กางเขน บ้างก็ติดไว้ที่เสื้อ รองเท้า และหน้าผากด้วย เราชอบติดป้ายไว้ทุกหนแห่ง เรามองโลกเหมือนว่าเป็นโรงละครเล็กๆที่เราเป็นผู้แจกบทให้แต่ละคนเล่น ให้คนนี้เป็นคนใจร้ายคนนั้นเป็นคนทรยศ และสิ่งที่ทำให้เราตัดสินว่า คนนั้นคนนี้ต้องเล่นบทเพชฌฆาตหรือนักโทษประหารนั้น ก็ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย พระเยซูตรัสว่า “อย่าตัดสินผู้อื่น และท่านจะไม่ถูกตัดสิน เพราะว่าท่านทั้งหลายตัดสินเขาอย่างไร พระเจ้าก็จะทรงตัดสินโทษท่านอย่างนั้น และท่านตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าก็จะทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน ท่านไม่รู้สึก”
ICT Team
6 Nov 2020ปลอบโยน
จากหนังสือ : เมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ เด็กหญิงตัวเล็กๆเดินกลับออกจากบ้านของป้าซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ลูกสาววัย 8 ขวบของป้าคนนี้เพิ่งเสียชีวิตอย่างกระทันหัน “ลูกไปที่นั่นทำไม” ผู้เป็นพ่อถาม “ไปปลอบใจป้าค่ะ” “แล้วลูกทำอะไรได้ ลูกยังเด็กเกินไปที่จะไปปลอบป้าเค้า” “หนูก็ขึ้นไปนั่งตักของป้า แล้วก็ร้องไห้ไปกับป้าด้วย” มีคนใกล้ๆเราที่ทุกข์ใจ ร้องไห้กับเขาซิ และถ้ามีบางคนที่สุขใจก็หัวเราะกับเขาซิ ความรักย่อมเห็นและรู้จักมอง ความรักได้ยินและรู้จักฟัง ความรักเข้าใจทุกสิ่ง ความรักคือ การร่วมในสุขและทุกข์อย่างเต็มที่ทั้งกายและใจ ผู้ที่รู้จักรักย่อมค้นพบสิ่งที่จะแบ่งปันและปลอบโยนได้อย่างไม่สิ้นสุด
ICT Team
6 Nov 2020ไก่และเพชร
จากหนังสือ : เมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ ไก่หิวโซน่าสงสารตัวหนึ่งพยายามเสาะหาอาหารประทังชีวิตอย่างหมดหวัง มันจิกตรงนั้นทีตรงนี้ที ตามพื้น ตามใบไม้ ตามซอกหิน และตามก้อนกรวดที่มันพบเห็น ทันใดนั้นเอง มันก็หยุดจิกอย่างกระทันหัน ตรงหน้ามันมีก้อนหินที่ไม่เหมือนก้อนอื่นๆส่องแสงเป็นประกายแวววาวอย่างที่มันไม่เคยเห็นมาก่อน ไก่หิวโซประหลาดใจ จ้องมองก้อนหินนั้นและมันก็เข้าใจได้ทันทีว่าก้อนหินนี้ไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา รูปร่าง ประกาย และขนาดของมันเป็นเครื่องพิสูจน์ชัดอยู่แล้ว “มนุษย์คงจะเรียกเธอว่าเพชรอย่างไม่ต้องสงสัย” ไก่หิวโซพึมพำ “แต่สำหรับฉันแล้ว เธอไม่มีค่าเท่ากับเมล็ดข้าวสักเมล็ดหนึ่งหรอก” ไก่สรุป แล้วมันก็เบือนหน้า หันไปจิกหาอาหารต่อไป ผู้ที่มัวแต่วุ่นวายหมกมุ่นอยู่กับการจิก และการบินร่อนไปทั่ว ก็จะละเลยคุณค่าที่แท้จริงไป โดยไม่รู้ตัว ถ้าอยากค้นพบสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็ต้องเริ่มจากความปรารถนาที่จะค้นหาสิ่งนั้นให้ได้ “อย่าให้ของประเสริฐแก่สุนัข อย่าโยนไข่มุกให้แก่สุกร เกลือกว่ามันจะเหยียบย่ำเสีย และจะหันกลับมากัดตัวท่านด้วย” (มธ. 7.6)
ICT Team
6 Nov 2020เต่าฉลาดน้อย
จากหนังสือ : เมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ วันหนึ่ง ในหุบเขาที่ห่างไกล ฝนตกหนักมากจนน้ำท่วมท้องทุ่ง และพื้นแผ่นดินทั้งหมดมองเห็นก็แต่ยอดเขาโผล อยู่พ้นระดับน้ำที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้น มีเสียงใครก็ไม่รู้กำลังร้องไห้อยู่ เต่าตัวหนึ่งนั่นเอง มันทั้งช้าและโง่ที่สุดในโลก “เธอร้องไห้ทำไม” ห่านร้องถาม “ฉันกำลังจะจมน้ำตาย” เต่าร้องไห้โฮ “ขาของฉันสั้นจะตาย ฉันต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะขึ้นไปบนภูเขาได้” “เรื่องจิ๊บจ๊อย !” ห่านขัดจังหวะ “เดี๋ยวฉันจะไปเรียกน้องสาวมาช่วย และเราสองคนจะพาเธอไปยังภูเขาเอง” เมื่อห่านทั้งสองมาถึง น้ำก็ท่วมจนถึงคอของเต่าแล้ว ห่านทั้งสองคาบกิ่งไม้ไว้ในปากเพื่อให้เต่าคาบไว้ และด้วยแรงกระพือปีก ห่านก็พาเต่าบินขึ้นไป มันบินอยู่เหนือน้ำ มุ่งตรงไปยังภูเขาซึ่งฝูงเต่าไปรวมตัวกันอยู่แล้ว อันที่จริงเต่าตัวอื่นๆซึ่งฉลาดกว่าต่างพากันไต่เขามา ตั้งแต่ที่พวกมันเห็นว่าน้ำขึ้นสูงเรื่อยๆอย่างไรก็ตาม พวกมันรู้สึกดีใจที่เห็นห่านทั้งสองได้ช่วยเต่าที่ช้าและโง่ที่สุดในพวกมันให้รอดพ้นจากการจมน้ำตาย พวกมันตะโกนแสดงความดีใจ และร้องเพลงเป็นเกียรติแด่ห่านทั้งสอง “ฮูร่า พวกเรามาร้องเพลงให้ห่านผู้กล้าหาญกันเถอะ” แต่เจ้าเต่าทั้งๆที่ยังห้อยต่องแต่งอยู่ข้างบน ก็อดไม่ได้ที่จะร่วมร้องเพลงด้วย มันอ้าปากร้อง “ฮูร่า ฮูร่า” “โครม !” แล้วเต่าน้อยก็ร่วงลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง ไม่ง่ายเลยที่จะบังคับลิ้นของตัวเอง เต่าตัวนี้จบชีวิตของตนก็เพราะเหตุนี้แหละ “สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ และสิ่งนั่นแหละที่ทำให้มนุษย์มีมลทิน” (มธ. 15, 18)
ICT Team
6 Nov 2020ตั๊กแตนในน้ำซุป
จากหนังสือ เมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ ณ ถ้ำฤาษีแห่งหนึ่งในทะเลทราย ฤาษีหนุ่มไปขอพบฤาษีอาวุโสเพื่อขอคำแนะนำ “คุณพ่อครับ คุณพ่อคงทราบแล้วว่าผมมาอยู่ในทะเลทรายได้เพียงปีเดียวเท่านั้น แต่ในรอบปีนี้เราถูกฝูงตั๊กแตนบุกรุกรบกวนเรา 6 – 7 ครั้งแล้ว ผมว่าคุณพ่อน่าจะทำอะไรสักอย่างนะครับ” ผู้อาวุโสซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลทรายมากกว่า 40 ปีแล้ว ตอบเขาว่า “ครั้งแรก เวลาที่ตั๊กแตนตกลงมาในชามซุปของพ่อ พ่อก็เททิ้งหมด ต่อมาสักพัก พ่อก็เขี่ยเอาตั๊กแตนออก แล้วก็กินซุปนั้น พอเวลาผ่านไป พ่อก็กินทุกอย่าง ทั้งตั๊กแตนและซุป จนเดี๋ยวนี้เวลาที่ตั๊กแตนพยายามจะกระโดดออกจากซุป พ่อก็จะจับมันใส่ลงไปใหม่” เมื่อเวลาผ่านเลย เราก็เริ่มชินกับทุกสิ่ง และสามารถอยู่ได้กับสิ่งที่เราเคยไม่ชอบในตอนแรก จนกระทั่งบางคนอาจถึงกับชอบข้อบกพร่องของตนเองก็ได้
ICT Team
6 Nov 2020..โลกทั้งใบ อย่าแบกไว้คนเดียว…..
Cr.พัชราภรณ์ ตู้วชิรกุล : นิตยสารแม่พระยุคใหม่ …โลกทั้งใบ อย่าแบกไว้คนเดียว….. เคยเจอไหม…. คนที่คิดว่าภาระทุกอย่างเป็นของเรา “เพียงลำพัง” เหตุการณ์วิกฤติอาจเคยเกิดขึ้น…กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว และเราเป็นคนที่ทำให้ผ่านไปได้ บังเอิญว่า…เวลาที่เราใช้มันยาวนาน…นานจนเราลืม ปัญหาใหมาเกิดขึ้นทุกวัน…เราเสียสละเข้าไปแบกรับไว้ทุกอย่างทั้งหมด เพราะคิดว่า มีแต่เราเท่านั้น…ที่สามารถเผชิญความกดดันขั้นสูงได้ เมื่อเวลาผ่านไป…เราเริ่มอ่อนล้า จากจิตใจที่เข้มแข็ง เริ่มอ่อนแอ… จากเรี่ยวแรงที่เต็มร้อย เริ่มถดถอย…. ความสามารถในการแบกโลกเริมลดลง ไม่มีใครขอบคุณสิ่งยิ่งใหญ่ (ในมุมมองของเรา) ที่เราได้ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อมอบให้ เราบาดเจ็บลึกถึงจิตวิญญาณ…หมดกำลังใจ และกำลังกลายเป็นไม้ตายซากที่รอวันผุพังหรือเผาทิ้ง…. จะดีกว่าไหม… ทุกครั้งที่เกิดปัญหา หรือได้รับมอบหมายภารกิจใด เพียงลองมองรอบๆ ตัว และเริ่มตเนี่ยด้วยการเอ่ยปาก “ขอความช่วยเหลือ” เราอาจประหลาดใจที่พบว่า มีคนพร้อมมาร่วมด้วยช่วยกัน ผลงานดีขึ้น ความสุขเพิ่มมากขึ้น โลกทั้งใบ…อย่แบกไว้คนเดียว..มันเหี่ยวนะ