จากหนังสือ : เมล็ดพันธุ์แห่งปรีชาญาณ
วันหนึ่งคนตัดฟืนเกิดหาขวานเล่มโปรดของตนไม่พบ เขาเดินค้นหาทั่วบ้าน หาเท่าไรก็หาไม่เจอ ขวานนั้นอันตรธานหายไปแล้ว หรือว่ามีคนมาขโมยของเขาไป เขาคิดเช่นนี้ และเดินไปที่หน้าต่าง ก็พอดีกับที่ลูกชายของเพื่อนบ้านเดินผ่านมา
“เจ้าหนุ่มคนนั้นท่าทางจะเป็นคนขโมยขวานของเราไป” คนตัดฟืนคิด
“ตาของมันก็เหมือนนัยน์ตาของคนขโมยขวาน แน่นอนเลย ทรงผมแบบหัวขโมยนั่นด้วย”
ต่อมาอีกไม่กี่วัน คนตัดฟืนก็พบขวานเล่มโปรดของตนอยู่ใต้เก้าอี้นอน ซึ่งเขาเองเป็นคนโยนมันเก็บไว้ เวลาที่กลับจากทำงานในตอนเย็นวันหนึ่ง เขาดีใจที่หาขวานเจอ และเมื่อเขาเดินไปที่หน้าต่าง ก็บังเอิญลูกชายของเพื่อนบ้านเดินผ่านไปพอดี
“ไม่ใช่หรอก เจ้าหนุ่มนี่ไม่มีท่าทางของหัวขโมยสักหน่อย ตรงกันข้าม เขามีทรงผมและนัยน์ตาของเด็กหนุ่มที่กล้าหาญมากต่างหาก”
ป้ายตราหน้าทุกรูปแบบ ! เราอยู่ในโลกที่ผู้คนมักจะเอาป้ายติดให้คนอื่น บ้างก็ติดไว้ที่กางเขน บ้างก็ติดไว้ที่เสื้อ รองเท้า และหน้าผากด้วย เราชอบติดป้ายไว้ทุกหนแห่ง
เรามองโลกเหมือนว่าเป็นโรงละครเล็กๆที่เราเป็นผู้แจกบทให้แต่ละคนเล่น ให้คนนี้เป็นคนใจร้ายคนนั้นเป็นคนทรยศ และสิ่งที่ทำให้เราตัดสินว่า คนนั้นคนนี้ต้องเล่นบทเพชฌฆาตหรือนักโทษประหารนั้น ก็ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
พระเยซูตรัสว่า “อย่าตัดสินผู้อื่น และท่านจะไม่ถูกตัดสิน เพราะว่าท่านทั้งหลายตัดสินเขาอย่างไร พระเจ้าก็จะทรงตัดสินโทษท่านอย่างนั้น และท่านตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด พระเจ้าก็จะทรงตวงให้ท่านด้วยทะนานอันนั้น เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน ท่านไม่รู้สึก”